Domain@tCost
18 April 2024  

HOME
 
การล่มสลายของดอทคอม จากวิกฤติ สู่โอกาส?
สรพงษ์ อุนนาภิรักษ์ : รายงาน
15 มกราคม 2545

ข่าวการซบเซาของธุรกิจดอทคอมที่นำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงปี 2001 ดูจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว โดยเฉพาะการปิดตัวของเว็บไซต์ชื่อดังหลายแห่งที่เคยรุ่งเรืองและเป็นเป้าหมายที่เจ้าของเว็บไซต์อีกนับล้านคาดหวังว่าจะก้าวตามไป ข่าวร้ายต่างๆ เหล่านี้ได้รับการตอกย้ำอีกครั้งจากแนวโน้มการเติบโตที่เริ่มชะลอตัวลง (เมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้า*) ของจำนวนชื่อโดเมนกลุ่ม CNO (Com,Net,Org) ที่ได้รับการจดทะเบียนเอาไว้ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2001 ที่ชื่อโดเมนในกลุ่มนี้ได้ลดจำนวนลงเป็นครั้งแรก (ในเดือนตุลาคมชื่อโดเมนกลุ่ม CNO ได้ลดจำนวนลงไปประมาณ 1 แสนชื่อ จากที่มีอยู่ 30,674,902 ชื่อในเดือนกันยายน) หลังจากที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดนับตั้งแต่ที่เริ่มนำเอาระบบชื่อโดเมนมาใช้ในปี 1994

อะไรคือมูลเหตุสำคัญที่ส่งผลต่อการลดลงของชื่อโดเมนกลุ่ม CNO?
โดยปกติแล้วจำนวนของชื่อโดเมนนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยขึ้นกับปัจจัย 3 ประการ คือ
1. จำนวนชื่อโดเมนที่มีการจดทะเบียนขึ้นใหม่
2. จำนวนชื่อโดเมนที่ได้รับการต่ออายุเพื่อใช้งานต่อไป
3. จำนวนชื่อโดเมนที่หมดอายุและถูกลบออกไปจากระบบ

จากผลการสำรวจล่าสุดของ SnapNames Inc. พบว่า จำนวนชื่อโดเมนกลุ่ม CNO ที่ถูกจดขึ้นใหม่และได้รับการต่ออายุในช่วงปี 2001 นั้น มีจำนวนที่ค่อนข้างคงที่ในแต่ละเดือน คือประมาณเดือนละ 1 ล้านชื่อโดยเฉลี่ย ซึ่งแม้ว่าจะมีการลดลงบ้างในช่วงเดือนกันยายนหลังเกิดวิกฤติการณ์ในสหรัฐฯ แต่ก็เริ่มกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงปลายปี ในขณะที่จำนวนของชื่อโดเมนที่ถูกปล่อยให้หมดอายุไปนั้นกลับเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี


นักวิเคราะห์ต่างเชื่อว่าจากการที่ชื่อโดเมนที่มีความหมายดีๆ หรือมีจำนวนคำที่น้อยจดจำได้ง่ายนั้นเริ่มหายากขึ้นทุกทีและข่าวปัญหาความตกต่ำของธุรกิจดอทคอมในช่วงปีที่ผ่านมานั้น เป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้จำนวนชื่อโดเมนที่ถูกจดขึ้นใหม่มีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง แต่ปัจจัยหลักที่เป็นตัวฉุดให้จำนวนชื่อโดเมนโดยรวมทั้งระบบลดลงไปนั้น กลับมาจากการที่เจ้าของชื่อไม่ปรารถนาที่จะต่ออายุเพื่อใช้งานชื่อโดเมนของตนต่อไป จนทำให้เกิดการหมดอายุลงของชื่อโดเมนจำนวนมาก (โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้าย) โดยเชื่อว่าชื่อโดเมนส่วนใหญ่ที่หมดอายุลงไปนั้นเป็นชื่อโดเมนที่จดโดยกลุ่มนักลงทุนและเก็งกำไร ซึ่งได้จดชื่อโดเมนเอาไว้เป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 1999 (ในช่วงก่อนที่ ICANN จะเปิดเสรีบริการจดทะเบียนชื่อโดเมน โดยเฉพาะรายใหญ่ เช่น DomainCollection.com, 24HourNames.com, Movie Name Company และอื่นๆ ซึ่งมีชื่อที่จดไว้ในครอบครองกว่า 1 ล้านชื่อ) จนมาถึงช่วงที่มีข่าวการซื้อขายชื่อโดเมนกันเป็นจำนวนเงินหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา แต่ข่าวการปิดตัวลงของธุรกิจดอทคอมและเว็บไซต์ดังๆ หลายแห่งในช่วงปีที่ผ่านมานี้ได้ส่งผลให้ความต้องการที่จะลงทุนซื้อชื่อโดเมนในราคาที่สูงจากนักเก็งกำไรเหล่านี้หายไปจากตลาด ดังนั้นจึงทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ขึ้นในระบบและนำมาสู่การปล่อยชื่อโดเมนที่ครอบครองไว้เป็นจำนวนมากนี้ออกมา เนื่องจากไม่สามารถทนแบกรับภาระต้นทุนในการต่ออายุเพื่อรักษาชื่อโดเมนที่มีอยู่ทั้งหมดเอาไว้ได้อีกต่อไป

นอกจากนี้สาเหตุส่วนหนึ่งที่ชื่อโดเมนหมดอายุได้เพิ่มจำนวนสูงขึ้น ก็เป็นผลมาจากความล้มเหลวในการดำเนินธุรกิจให้บริการจดชื่อโดเมนฟรีต่างๆ ที่เริ่มเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2000 อย่างเช่น NameZero.com, NameDemo.com ฯลฯ ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกจะสามารถเพิ่มจำนวนชื่อโดเมนที่ถูกจดมาไว้ในมือได้อย่างมหาศาล (รวมกันถึงเกือบ 2 ล้านชื่อ) แต่เมื่อเริ่มมีการประกาศนโยบายการขายสิทธิ์ใช้งานและการต่ออายุชื่อโดเมนในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดในจังหวะที่ชื่อโดเมนต่างๆ ที่ได้มีผู้นำมาจดไว้นั้นได้เริ่มทยอยหมดอายุลงในปีต่อมา ก็ส่งผลให้ชื่อโดเมนจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างจริงจังถูกปล่อยให้หมดอายุไปกับผู้ให้บริการเหล่านี้พร้อมกันเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับตอนที่มีการเปิดให้จดทะเบียนฟรีในปีก่อนหน้า จึงเป็นบทสรุปของการ "มาเร็ว" และ "ไปเร็ว" (พร้อมชื่อโดเมน) ของกลุ่มธุรกิจนี้ และเป็นบทเรียนที่ตอกย้ำอีกครั้งถึงคำโบราณที่ว่า "ของฟรี..ไม่มีในโลก" ได้เป็นอย่างดี

ส่วนสาเหตุหลักอีกประการหนึ่งที่เสริมให้จำนวนชื่อโดเมนที่ถูกลบออกจากระบบเพิ่มสูงขึ้น คือการปิดตัวลงของเว็บไซต์รายย่อยต่างๆ ที่กระโจนเข้าสู่ธุรกิจดอทคอมตามกระแส e-commerce ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังบูม โดยขาด Business Model ที่จะสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ค่อนข้างสูง (เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ) ทั้งนี้ก็รวมถึงเว็บไซต์ส่วนตัวหลายๆ แห่งที่ได้ปิดตัวลงไปเนื่องจากขาดความพร้อมทั้งด้านเวลาและเงินทุนเพื่อนำมาใช้ในการที่จะพัฒนาเว็บไซต์ต่อไป และก็ยังรวมไปถึงเว็บไซต์ต่างๆ ที่เข้ามาและออกไปตามกระแสอีกด้วย

สำหรับสาเหตุประการสุดท้ายเป็นผลทางอ้อมที่สะท้อนมาจากการเปิดตัวของชื่อโดเมนกลุ่มใหม่ ซึ่งได้เข้ามาดึงเอาส่วนแบ่งตลาดของชื่อโดเมนที่จดทะเบียนใหม่ในกลุ่ม CNO ออกไปมากพอสมควร เช่น Multilingual Domain ซึ่งเป็นชื่อโดเมนที่เปิดให้บริการในลักษณะของภาษาท้องถิ่นต่างๆ ตามด้วย .com, .net และ .org ที่เปิดให้บริการโดยกลุ่ม gTLD Registrar กว่า 20 ราย เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก โดยปัจจุบันมีชื่อโดเมนในกลุ่มนี้ประมาณ 7-8 แสนชื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อโดเมนในกลุ่ม .info และ .biz ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงปลายปี 2001 โดยปัจจุบันทั้ง 2 กลุ่มมีจำนวนรวมกันประมาณ 1 ล้านชื่อ คือ .info 663,733 ชื่อ และ .biz 472,433 ชื่อ (ข้อมูล ณ สิ้นปี 2001 โดยปัจจุบันชื่อโดเมนทั้ง 2 กลุ่มยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงมีชื่อดีๆ เหลืออยู่อีกมาก) และทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลหลักๆ ที่นักวิเคราะห์เชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุที่ส่งผลให้เกิดการหดตัวลงของตลาดชื่อโดเมนกลุ่ม CNO หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อของกลุ่มดอทคอมในปี 2001

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงปีที่ผ่านมาจำนวนชื่อโดเมนในกลุ่ม CNO โดยรวมจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียง 2 ล้านชื่อ (ส่วนต่างระหว่างชื่อที่ได้รับการจดใหม่และต่ออายุหักลบจากชื่อที่หมดอายุไปมีประมาณเดือนละ 1 แสนชื่อโดยเฉลี่ยก่อนที่จะลดลงในช่วงปลายปี โดยแม้ว่าชื่อที่ได้รับการจดใหม่และต่ออายุจะเริ่มมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นเกินเดือนละ 1 ล้านชื่ออีกครั้งในช่วงปลายปี แต่อัตราการเพิ่มของชื่อที่ถูกลบออกไปจากระบบมีสูงกว่าจึงทำให้ยอดโดยรวมลดลง) ในขณะที่จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในปี ค.ศ. 2001 ได้เพิ่มขึ้นมาประมาณ 145 ล้านคน (เฉลี่ยเดือนละประมาณ 10-15 ล้านคน) มาอยู่ที่ 513.4 ล้านคน หรือคิดเป็น 8.46% ของจำนวนประชากรโลก (2.4% เมื่อเทียบกับ 6.07% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า) และยังมีการประมาณกันว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 700 ล้านคนเมื่อถึงสิ้นปี 2002** ซึ่งหมายความว่าในช่วงที่จำนวนชื่อโดเมนเริ่มคงที่นั้น สัดส่วนของผู้เข้าชมต่อเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการโดยใช้ชื่อโดเมนกลับเพิ่มจำนวนสูงขึ้น

หากเราได้พิจารณาจากภาพรวมแล้ว ก็จะพบว่าการใช้งานศักยภาพของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นยังคงมีการขยายตัวออกไปอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2001 ที่ผ่านมา ดังนั้นการลดลงของจำนวนชื่อโดเมนในวันนี้จึงเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วครั้งชั่วคราวที่จะชะล้างส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดผลิตผลที่แท้จริงออกไป และท้ายที่สุดก็จะเหลือเพียงดอทคอมตัวจริงที่พร้อมจะก้าวต่อไปเพื่อสร้างผลกำไรในวันข้างหน้า และในทางกลับกัน ในขณะที่ชื่อโดเมนดีๆ จำนวนมากกำลังหมดอายุลงไปเนื่องจากถูกนักเก็งกำไรทยอยปล่อยกลับเข้ามาสู่ระบบอีกครั้ง ก็หมายความว่าในช่วงปี 2002 นี้ก็จะมีชื่อโดเมนดีๆ ไหลกลับสู่ระบบให้ผู้ที่ต้องการจดขึ้นมาเพื่อใช้งานจริงๆ ได้เลือกจดมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีผู้ที่สามารถจะใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ได้ (จากชื่อดีๆ ที่ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนเพิ่มให้กับนักเก็งกำไร) ก็ขึ้นกับว่าใครจะ "มอง" และ "ทำ" อย่างไรกับสถานการณ์คาบเกี่ยวระหว่างคำว่า "วิกฤติ" และ "โอกาส" ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ดีกว่ากัน


ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง

* จำนวนชื่อโดเมนกลุ่ม CNO ตั้งแต่ Jan 1996 ถึง Dec 2001

     
Jan 1996
Jan 1997
Jan 1998
Jan 1999
Jan 2000
Jan 2001
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
240,000
828,000
2,292,000
4,037,875
10,008,475
27,969,779
           
Jul 2001
Aug 2001
Sep 2001
Oct 2001
Nov 2001
Dec 2001
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
  -  
30,204,791
30,396,945
30,674,902
30,573,921
30,286,759
29,312,391

    Jan 1996-Jan 2001, Matthew Zook, ZookNic.com
    Jul 2001-Dec 2001, SnapNames Inc.

** ข้อมูลอ้างอิงจาก Nua Internet Surveys ถึง Oct 2001


ยังมีบทความดีๆรอให้คุณอ่านอยู่อีกมากครับ
 



Copyright © 2000-2007 Infonova Co., Ltd. All rights reserved.   

• แก้ไขข้อมูลโดเมนเนม
• ย้ายโดเมนเนมจากที่อื่น
• บริการ NetRedirection
• ค่าบริการจดโดเมนเนม
• การชำระค่าบริการ